เจาะสเปค All New GWM TANK 500/300 พรีเมียมออฟโรดกระแสแรง!
เปิดตัวและประกาศราคากันไปเรียบร้อยแล้วกับรถเอสยูวีระดับพรีเมียมออฟโรด จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ที่กระแสตอบรับค่อนข้างแรง โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ชื่นชอบรถในสไตล์ออฟโรดที่ต้องการสไตล์และเทคโนโลยีที่สดใหม่ยิ่งขึ้น และราคาเปิดตัวถือว่าน่าสนใจโดยเฉพาะ TANK 500 ที่ราคาต่ำกว่าที่คาดเอาไว้มาก ทีนี้มาสำรวจดูสเปคของ 2 พี่น้องตระกูล TANK กันบ้างว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
สำหรับ All New GWM TANK 500 HEV ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโลยีที่ล้ำสมัย มาพร้อมกับดีไซน์ที่บึกบึนและแข็งแกร่ง ในขณะที่แฝงไปด้วยความเรียบง่ายและหรูหรา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 11 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดอัตโนมัติ และโหมดออฟโรด ได้แก่ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน โหมด4L โหมด4H โหมดพื้นหิมะ และโหมดเชี่ยวชาญ
All New GWM TANK 500 HEV มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกมิติตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ตามลักษณะที่เป็น DNA ของ TANK ที่มีความแข็งแกร่ง ทะมัดทะแมง แต่เปี่ยมไปด้วยความเรียบหรูและสง่างาม ด้วยมิติตัวรถ 1934 x 5078 x 1905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ใหญ่กว้างขวางที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน มาพร้อมระยะฐานล้อ 2850 มม. ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิ้ล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มม. ทำให้ผู้ขับขี่พร้อมทะยานอย่างไม่มีขีดจำกัดในทุกสถานการณ์ กระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED โดดเด่นทั้งในเรื่องให้ความสว่างและความปลอดภัยด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow Me Home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกด้านหน้าและหลังแบบ LED ในขณะที่ดีไซน์ด้านหลังนั้นถูกออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal ที่มาควบคู่กับระบบดูดไฟฟ้าเพื่อผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกสบายในการปิดประตูท้าย ไฟท้าย Vertical LED ที่มาพร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกแบบ LED อย่างเต็มระบบ ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชันได้อย่างลงตัว บันไดข้างที่เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่มาพร้อมราวหลังคา เพื่อเพิ่มการใช้งานเสาอากาศแบบ Shark Fin และสปอยเลอร์ท้าย ยกระดับภาพลักษณ์การขับขี่ที่หรูหรามั่นใจด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และยางขนาด 265/50 R20
การออกแบบทั้งภายนอกและภายในของ All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมกับแนวคิด Luxury ที่ให้ทั้งความหรูหรา กว้างขวาง และสะดวกสบาย ใส่ใจทุกรายละเอียดด้วยวัสดุสีดำ สีดำเงา สีโครเมียม และสีเงิน แผงคอนโซลหน้าและชุดเกียร์แบบ Electronic Shifter สีทูโทน นาฬิกาแบบคลาสสิก เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity 12 ตัวที่พร้อมมอบความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบร่วมกับระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระและระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ ฟังก์ชันไฟตกแต่งห้องโดยสารแบบหลากสีและเป็นจังหวะ เพื่อสร้างบรรยากาศภายในให้เพลิดเพลิน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบกรองอากาศ PM2.5 และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เพื่อช่วยให้การชาร์จโทรศัพท์มือถือเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
เพื่อความสะดวกสบายในทุกมิติของการเดินทาง All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมกับเบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า ระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และเบาะหนัง NAPPA เพื่อช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มีระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลงรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับแบบไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง มีปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 มีหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศ และเบาะระบายอากาศ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 มีพนักพิงปรับแบบไฟฟ้าที่เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนของเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ เพื่อเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการใช้สอยตามอเนกประสงค์ได้อย่างเต็มที่
All New GWM TANK 500 HEV ได้นำเสนอความสามารถในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่โดยเฉพาะ ด้วยหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว ซึ่งรองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ โดยหน้าจอกลางอัจฉริยะนี้สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย อีกทั้งรถยนต์รุ่นนี้ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวของการขับขี่ด้วยพวงมาลัยปรับแบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
นอกจากนี้ All New GWM TANK 500 HEV ยังเพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
- ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิและเพิ่มความปลอดภัยจากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อน
- ระบบตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะประเมินความลึกของระดับน้ำและแสดงผลของระดับน้ำประกอบภาพรถบนหน้าจอกลาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เมื่อขับผ่านสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง
- ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะจดจำข้อมูลของพื้นที่รอบเส้นทางการขับขี่ของกล้องรอบตัวรถและสร้างภาพเสมือนแบบ 360 องศา จากมุมมองด้านบนของตัวรถ ในลักษณะแบบโปร่งใสเห็นพื้นผิวถนนด้านล่าง และแสดงภาพด้านหน้าของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงสภาพถนนใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยมากมาย ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB)
- ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA/ RCTB)
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS)
ยังจัดเต็มไปด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ที่มาช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่อย่างครบวงจรในทุกมิติ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียนตกรรมของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) และ การควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ผ่าน GWM Application แม้ในขณะผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง การปิดซันรูฟ การควบคุมระบบระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ
All New GWM TANK 500 HEV รุ่น PRO ราคา 2,049,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 2,269,000 บาท มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีใหม่เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA และตัวรถสีเทาคริสตัล)
ส่วน All New GWM TANK 300 HEV – Define Your Own World รถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลางถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มอัจฉริยะ TANK เช่นเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้สูงสุดถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ และดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ เพื่อการขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและความสะดวกสบายขณะเดินทางทั้งในเมืองและนอกเมือง
All New GWM TANK 300 HEV มีความ “แฟชัน นำสมัย และแข็งแกร่ง” ให้ภาพลักษณ์ที่แปลกตาและไม่เหมือนใครตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ด้วยมิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ที่มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้พื้นที่เก็บสัมภาระ 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2 โดยการออกแบบภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้เป็นการผสมผสานดีไซน์แบบออฟโรดกับดีไซน์ BOXY ไว้ด้วยกัน ด้วยกระจังหน้าแบบ Rectangle ตัดขอบสีดำเงาที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยมผสานเข้ากับตัวรถ รับด้วยช่องระบายอากาศสีดำเงาและโลโก้ TANK เสริมความเท่ด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง รับดีไซน์หลังแบบออฟโรดด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal และยางอะไหล่ติดประตูท้าย พร้อมด้วยกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว โดยไฟหน้า Intelligent LED มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องให้ความสว่างและความปลอดภัยด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow Me Home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED ในขณะที่ส่วนท้ายของตัวรถมีไฟท้ายเป็นแบบ Vertical LED ที่มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอก LED หลังคาซันรูฟแบบเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้าที่มาพร้อมราวหลังคาและเสาอากาศแบบ Shark Fin อีกทั้งยังมีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ พร้อมยาง A/T ขนาด 265/65 R17 เพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้มีความแข็งแกร่ง มั่นใจในการตะลุยทุกเส้นทาง
การออกแบบภายในของ All New GWM TANK 300 HEV มาในสไตล์พรีเมียมออฟโรด มอบความหรูหรา ทันสมัย กว้างขวาง และสะดวกสบาย ด้วยนาฬิกาแบบคลาสสิก ชุดเกียร์แบบ Electronic Shifter ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) สีเดียวกับแผงคอนโซล เบาะหนัง NAPPA ระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระซ้ายและขวาที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 และ Ionizer ลำโพง Infinity 8 ตำแหน่งพร้อมซับวูฟเฟอร์ ไฟตกแต่งห้องโดยสารแบบหลากสีเพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ Universal และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารข้างหน้า-หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ
เพื่ออำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางมาพร้อมกับเบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางและมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังไฟฟ้า ระบบ Memory Seat ระบบ Welcome Seat เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ในการขึ้น-ลงจากรถ และระบบระบายอากาศ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมพนักพิงปรับ 2 ระดับ ซึ่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้สอยตามความต้องการ
เพิ่มความโดดเด่นในการใช้งานด้วยหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, และ Bluetooth ซึ่งสามารถทำงานเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น รถยนต์รุ่นนี้ยังมีพวงมาลัยไฟฟ้า ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่แผงควบคุมที่คอนโซลกลางพร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่แบบออฟโรด ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ได้อย่างครบวงจร
All New GWM TANK 300 HEV มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยให้ทุกการผจญภัยเต็มอิ่มไปด้วยความสนุกสนาน พร้อมรับทุกอุปสรรคบนเส้นทางที่ลำบากเพื่อให้ถึงจุดหมายที่อยากจะไป ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for Front and Rear Axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะ เมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศ
ที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม - ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกยังล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Off-road Cruise Control) เหมาะสำหรับพื้นสภาพถนนออฟโรดที่มีซับซ้อน โดยหลังจากเปิดฟังก์ชันแล้ว ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วที่ต่ำและคงที่
- ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องรอบตัวรรถระหว่างการขับขี่รวมกับข้อมูลภาพของพื้นดินแล้วแสดงภาพถนนแบบพาโนรามาด้านล่างและด้านหน้ารถ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบสภาพใต้ท้องรถและหน้ารถ ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่
- ยางล้อแบบ A/T รุ่น ULTRA ติดตั้งยาง Continental Horse AT ขนาด 17 นิ้ว ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อการ
สึกหรอและความต้านทานการเจาะทะลุของยางบนถนนลูกรัง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS)
All New GWM TANK 300 HEV จัดเต็มกับฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ที่จะมาช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่ให้เหนือไปอีกขั้น ด้วยการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) มาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่น ๆ ภายในรถ
การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี ช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ภายในรถ
GWM Application ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหาตำแหน่งรถยนต์ การปิดกระจก
ปิดหลังคาซันรูฟ การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ และระบบ
ตรวจสอบสถานะอื่น ๆ
All New GWM TANK 300 HEV รุ่น PRO ราคา 1,649,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 1,799,000 บาท มีตัวเลือก 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว และเฉดสีรถภายในทั้งหมดสีเดียว ได้แก่ สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น ULTRA และรุ่น PRO)
ทั้งนี้ All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ จะทยอยส่งมอบรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30-23.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
และได้ทาง www.youtube.com/AutoLikeTV