New Mercedes-Benz E-Class ความล้ำสมัยและคลาสสิกที่ผสานกันอย่างกลมกลืน
เผยโฉมแล้วแบบ Digital World Premiere กับ New Mercedes-Benz E-Class รถซีดานหรูที่มาพร้อมเทคโนโลยียุคใหม่รอบคัน มีความโมเดิร์นผสานความคลาสสิกได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะภายในห้องโดยสารที่ล้ำยุคสุดๆ มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ MBUX เจเนอเรชั่นล่าสุด รุ่นที่ 3 โดยในยุโรปจะมีตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาปเบนซินและดีเซล พร้อมระบบ Mild Hybrid และรุ่น Plug-in Hybrid ซึ่งยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ
สำหรับ New Mercedes-Benz E-Class ดูมีดีไซน์ที่ผสานกันระหว่างรุ่นพี่อย่าง S-Class และ C-Class แต่ดูลงตัวด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมตัดขอบดำเงา สัญลักษณ์ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ ที่ถูกประกบข้างด้วยไฟหน้าแบบ Digital Light LED และไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่ดูคล้ายปีกนกกำลังโบยบิน และมีไฟท้ายสไตล์ใหม่แบบ LED ที่เล่นเส้นสายภายในโคมให้เป็นรูปดาวสามแฉก จะพูดว่าเป็นไฟท้ายเบนซ์ก็ไม่ผิด เป็นเบนซ์ที่มีไฟท้ายเบนซ์ ไม่งงกันนะ
ตัวถังดูมีเส้นสายที่โค้งมน ด้วยมิติตัวถังยาว 4,949 มม. กว้าง 1,880 มม. สูง 1,468 มม. ฐานล้อยาว 2,961 มม. ที่เปิดประตูเรียบเนียนไปกับตัวถังรถ แนวเส้นข้างตัวรถทำให้นึกถึง EQS ตั้งแต่แรกเห็น
ภายในห้องโดยสารหรูและล้ำสมัย ชุดแผงคอนโซลมีความคล้ายกับ Mercedes-EQ แบ่งเป็นหน้าจอมาตรวัดดิจิตอลความละเอียดสูง ภาพชัดคมกริป ติดตั้งอยู่ด้านหน้าของผู้ขับเป็นหน้าจอลอยตัวที่แสดงผลได้ชัดเจน ปรับรูปแบบการแสดงผลได้ และที่โดดเด่นมากคือที่หน้าจอกลางระบบอินโฟเทนเมนต์ MBUX เจเนอเรชั่นล่าสุด แบบ Superscreen รวมคำสั่งการทำงานทุกอย่างเอาไว้ รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่อความบันเทิงได้ทั้ง Apple Car Play และ Android Auto แบ่งโซนหน้าจอสำหรับระบบความบันเทิงฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าเอาไว้ด้วย ซึ่งสามารถแสดงหน้าจอจากสมาร์ทโฟนเข้าไปที่หน้าจอได้ทันทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อผ่าน Mirror Link และยังใช้แอปจากสมาร์ทโฟน รวมทั้งสตรีมมิ่งแอปเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลงได้อีก พร้อมด้วยระบบเสียงระดับพรีเมียมจาก Burmester 4D มีลำโพงรอบห้องโดยสารอีก 21 ตัว กำลังขับถึง 730 วัตต์ บันเทิงกันสุดๆ
มีลูกเล่นที่น่าสนใจคือ มีกล้อง AI ที่ตรงคอนโซลกลาง กล้องนี้เอาไว้จับพฤติกรรมการขับขี่ และยังใช้เป็นกล้อง Video Conference ได้อีกด้วย ซึ่งรองรับการทำงานผ่านระบบ Zoom ไม่เพียงเท่านี้ กล้องตัวนี้ยังถ่ายภาพเซลฟี่ได้อีก
ติดตั้งระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ Thermotronic พร้อมระบบ Energizing Air Control ที่ดักจับฝุ่น PM2.5 และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ได้ รวมทั้งยังทำงานเป็นเครื่องฟอกอากาศได้อีกด้วย ช่วยให้อากาศภายในรถสะอาดและเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ กุญแจอัจฉริยะเป็นแบบ Digital Vehicle Key สามารถสั่งสตาร์ทรถได้ ผ่าน iPhone หรือ Apple Watch ได้ แล้วยังสามารถแชร์รหัสให้คนอื่นๆ ภายในครอบครัวได้สูงสุด 16 คน รวมทั้งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ นั่นคือ ระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Active Ambient Lighting ที่ปรับเฉดสีได้ถึง 64 เฉดสี สามารถปรับให้แสงเคลื่อนไหวเร็วหรือช้าตามจังหวะเสียงดนตรีจากเพลง ภาพยนตร์ที่เปิดฟังอยู่ได้อีกด้วย
ในส่วนของขุมพลังมีทั้งดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร Mild Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้า 48V พร้อม EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า แรงบิด 205 นิวตันเมตร และพละกำลังจากเครื่องยนต์ 197 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 238 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 7.6 วินาที ในรุ่น E220d และในรุ่น E220 d 4 Matic ทำความเร็วสูงสุดได้ 234 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 7.8 วินาที
ส่วนขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร Mild Hybrid สร้างพละกำลังจาก EQ Boost ได้เท่ากับในขุมพลังดีเซล เทอร์โบ แต่แรงม้าจะมากกว่าเป็น 204 แรงม้า แรงบิดน้อยกว่าเป็น 320 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 7.5 วินาที ในรุ่น E200
โดยมีขุมพลังเบนซิน Plug In Hybrid ยังมีด้วยกันถึง 2 รุ่น ขนาดเดียวกับขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่น E300 e และรุ่น E300 e 4MATIC ให้พละกำลังจากเครื่องยนต์ที่ 204 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 129 แรงม้าแรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะมีพละกำลังถึง 313 แรงม้า และแรงบิดระดับ 550 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 236 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 6.4 วินาที ขับได้ไกลสุด 115 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ในรุ่น E300 e และความเร็วสูงสุด 234 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 6.5 วินาที ขับได้ไกลสุด 109 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ในรุ่น E300 e 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ
และขุมพลังเบนซิน Plug In Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังจากเครื่องยนต์ 252 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลัง 129 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร จับคู่ส่งพลังร่วมกันให้พละกำลังถึง 381 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร ขับได้ไกลสุด 109 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.3 วินาที เท่านั้น ในรุ่น E400e 4MATIC โดยที่ทุกรุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ในส่วนของระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ที่ด้านหน้าเป็นแบบ 4-Link ด้านหลังแบบ 5-Link และมีระบบช่วงล่างถุงลม Airmatic ล้อหลังปรับมุมเลี้ยวได้ 4.5 องศา เสริมด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยแบบครบที่สุด
ทั้งนี้ ในต่างประเทศยังไม่ได้กำหนดวันจำหน่ายและราคาอย่างเป็นทางการ ส่วนการเข้ามาของ New Mercedes-Benz E-Class คงต้องรอกันไปก่อน ไม่แน่ว่าปลายปี อาจจะได้เห็นคันจริงก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30-23.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
และได้ทาง www.youtube.com/AutoLikeTV