GWM ชูโมเดล SEE และระบบ ASL บนเวที Automotive Summit 2025

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” GWM ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Automotive Summit 2025 งานสัมนาวิชาการด้านยานยนต์ โดยมีแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำระดับโลกกว่า และผู้ที่อยูในอุตสาหกรรมเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
โดย เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “AI in Autonomous Driving – How AI work in ADAS/Autonomous Vehicle” เผยแนวทางการประยุกต์ใช้ AI เพื่อยกระดับสมรรถนะของระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) และระบบขับขี่อัตโนมัติ ทั้งในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบภายในรถยนต์ที่เกิดขึ้นจากการผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับระบบควบคุมอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญ ทั้งในด้านการออกแบบระบบให้มีความน่าเชื่อถือ มาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล ตลอดจนความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและกฎหมายที่จะรองรับการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
Automotive Summit 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Artificial Intelligence for Automotive Industry “AI4AI” ปัญญาประดิษฐ์ขับเคลื่อนยานยนต์สู่อนาคต จัดขึ้น ณ ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 18 – 19 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาภายในงานครอบคลุมการใช้งาน AI ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การใช้งานภายในตัวรถเพื่อเสริมความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ การประยุกต์ใช้ในสายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ รวมถึงการมีส่วนร่วมของ AI ในระบบนิเวศยานยนต์ยุคใหม่ ทั้งระบบขนส่งอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ AI ในการเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้กับผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์อัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ
ที่ GWM เราเชื่อมั่นว่าอนาคตของการขับขี่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เราจึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ด้วยการผสาน AI เข้ากับระบบความปลอดภัยและการตัดสินใจของรถอย่างลึกซึ้ง ทั้งในรูปแบบของโมเดล SEE (Safety, Efficiency, Experience) และเทคโนโลยี ASL (Agent of Space & Language) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก GWM มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติสำหรับผู้ใช้งานในทุกมิติ
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงใช้ “สถาปัตยกรรมแบบ End-to-End เชิงโมดูลาร์” ซึ่งแบ่งกระบวนการทำงาน เช่น การรับรู้ ตัดสินใจ และควบคุม ออกเป็นส่วน ๆ โดย AI จะเข้ามาช่วยในแต่ละขั้นตอน จุดเด่นคือความยืดหยุ่นและสามารถให้มนุษย์ควบคุมร่วมได้ แต่ข้อจำกัดคือแต่ละส่วนแยกกัน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารภายในระบบ เพื่อแก้ปัญหานี้ GWM จึงเกิดแนวคิด “Full End-to-End” ที่รวมทุกกระบวนการไว้ในโมเดล AI เดียว แม้จะทันสมัยและคิดตัดสินใจเองได้ทั้งหมด แต่ยังมีข้อท้าทายด้านความปลอดภัย และไม่สามารถควบคุมจากมนุษย์ได้ GWM จึงได้พัฒนาโมเดล “SEE (Safety, Efficiency, Experience)” โมเดลขนาดใหญ่ที่รวมข้อดีของทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน โดยระบบจะรับรู้ วิเคราะห์ และควบคุมได้แม่นยำในหนึ่งเดียว พร้อมเปิดให้มนุษย์ควบคุมบางสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ GWM ได้นำโมเดล SEE มาติดตั้งในรถ MPV ระดับเรือธงอย่าง GWM WEY 80 ในประเทศจีน เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ โดย SEE ถูกพัฒนาให้ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์ม Coffee Pilot Ultra ผสานเซ็นเซอร์อัจฉริยะ 27 ตัว และชิป NVIDIA Orin-X เพื่อประมวลผลข้อมูลรอบทิศทางอย่างแม่นยำ พร้อมรองรับการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยี End-to-End ที่สามารถรวมข้อมูลจากเสียง ภาพ ข้อความ และการสัมผัสเข้าด้วยกัน นับเป็นระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติที่มีความสามารถในการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวรถอย่างแม่นยำ วิเคราะห์สถานการณ์ และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยความสามารถในการโต้ตอบกับผู้ขับขี่ในแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การขับขี่ทั้งราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์
นอกจากนี้ GWM ยังได้เปิดเผยถึง “ASL” (Agent of Space & Language) โมเดล AI แห่งอนาคตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถสื่อสารกับผู้ขับขี่ผ่านภาษามนุษย์โดยตรง พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลจากสามแหล่งสำคัญ ได้แก่ ภาพ 3 มิติจากกล้องรอบตัวรถ ระบบ LiDAR และเรดาร์ เพื่อให้เข้าใจบริบทของการเดินทางอย่างรอบด้าน ASL เปรียบเสมือนสมองกลอัจฉริยะภายในรถ ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ วิเคราะห์ และปรับตัวได้อย่างแม่นยำ ด้วยศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลหลากหลายมิติ AI รุ่นนี้สามารถพิจารณาทั้งจุดหมายปลายทาง ความต้องการเฉพาะบุคคล และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อและตอบโจทย์เฉพาะตัวในแต่ละเส้นทางได้อย่างลงตัว GWM เชื่อมั่นว่า ปี 2025 จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของ AI และในอนาคต ASL จะไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่เข้าใจผู้ขับขี่อย่างแท้จริง
แม้ AI จะล้ำหน้าเพียงใดแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วทั้งโลกยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) ทัศนคติของผู้คนและการยอมรับจากสังคม โดยทัศนคติของผู้คนมักขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในระบบ ความรู้สึกปลอดภัย และความคุ้นชินกับการควบคุมรถด้วยตัวเอง แม้หลายคนจะมองเห็นข้อดีด้านความสะดวกและความปลอดภัย แต่บางส่วนยังลังเลเพราะไม่มั่นใจในการปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน 2) ความชอบธรรมและความรับผิดทางกฎหมาย ประเด็นด้านกฎหมายและความรับผิดชอบของรถไร้คนขับยังคงเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องกำหนดแนวทางอย่างชัดเจน โดยปัจจุบัน ความรับผิดชอบอาจตกอยู่กับหลายฝ่าย เช่น เจ้าของรถ ผู้ผลิต หรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ รัฐควรร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการวางกฎหมายและมาตรฐานที่สร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยของผู้ใช้และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงกำหนดกระบวนการทดสอบและกลไกตรวจสอบที่โปร่งใส และ 3) ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันการเติบโตของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ รัฐและอุตสาหกรรมควรร่วมมือกันใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สนับสนุน R&D ผ่านทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี, จัดทำกฎหมายที่ชัดเจนและเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย และลงทุนในการให้ความรู้แก่ประชาชนและบุคลากร เพื่อเตรียมความพร้อมสู่อนาคตของ Autonomous Vehicle อย่างยั่งยืน
ยานยนต์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และบทบาทของ GWM ในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง SEE และ ASL คือหลักฐานชัดเจนของความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น บนเวที Automotive Summit 2025 ครั้งนี้ GWM ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี แต่ยังชี้ให้เห็นถึงภาพรวมของทิศทางอุตสาหกรรม ทั้งด้านนวัตกรรม กฎหมาย และสังคมที่จะต้องเดินหน้าควบคู่กัน เพื่อปูทางสู่ยุคใหม่ของการเดินทางที่อัจฉริยะและยั่งยืนอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30-23.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
ทางยูทูป www.youtube.com/AutoLikeTV
และ TIKTOK www.tiktok.com/@autoliketv