รู้จักเทคโนโลยี e-Power จากนิสสัน ก่อนพบกันใน Kicks e-Power

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการสักทีกับ “Nissan Kicks e-Power” ซึ่งในสถานการณ์โรคโควิด-19 นิสสัน (ประเทศไทย) จึงเลือกเปิดตัวด้วยการออนไลน์ผ่านทางหน้าเพจ Nissan Thailand ในวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้ เวลา 19.00 น. แต่ก่อนที่จะพบกับตัวจริงของ Kicks e-Power เรามาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี e-Power (อี-พาวเวอร์) จากนิสสันกันก่อน
ความเป็นมาของเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์
นิสสันมีแผนที่จะลดการปล่อยมลพิษ และลดอัตราความสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ ผ่านนวัตกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า และ ระบบขับขี่อัตโนมัติ (autonomous drive) ภายใต้แนวคิดของ “การขับเคลื่อนอัจฉริยะของนิสสัน (Nissan Intelligent Mobility)” ที่ได้กำหนดทิศทางของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านการใช้พลังงาน, การขับขี่, การอยู่ร่วมกันของรถยนต์และสังคม
ส่งผลให้ปี 2006 นิสสันประสบความสำเร็จในการคิดค้นและพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์แบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ขณะเดียวกันมีการนำเทคโนโลยีของนิสสันไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดความทนทาน ลดเสียงรบกวน ลดการสั่นสะเทือน และลดความกระด้างต่างๆ (Noise/Vibration/Harshness – NVH) ซึ่งทั้งหมดได้กลายมาเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาขุมพลังล่าสุดอย่าง e-Power ที่จะนำมาใช้ในกลุ่มรถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา นิสสันยังได้มุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ปลอดมลพิษที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมาตลอด โดยผ่านการใช้เชื้อเพลิงรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย ขุมพลัง e-Power จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการเติมเต็มรูปแบบของระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของนิสสัน นอกเหนือจากการมุ่งพัฒนารถยนต์ที่ใช้เซลเชื้อเพลิงแบบใหม่ที่เรียกว่า SOFC (Solid Oxide Fuel Cell Vehicle) ที่เพิ่งประกาศความสำเร็จไปเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย
สำหรับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ e-Power ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง โดยที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดกะทัดรัดในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป
ด้วยแนวคิดและการออกแบบที่ล้ำหน้าของทีมวิจัยและพัฒนาของนิสสัน ภายใต้ ระบบ e-Power เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่เชื่อมต่อเข้ากับชุดส่งกำลังหรือเกียร์โดยตรง แต่จะทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าและชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจะถูกส่งไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างพละกำลังเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ ทำให้ระบบ e-Power มีความโดดเด่นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลัง เพราะในระบบไฮบริดทั่วไปมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนจะไม่ทำงานในภาวะที่แบตเตอรี่มีกำลังไฟฟ้าต่ำหรือขณะอยู่ในย่านความเร็วสูง รวมทั้งระบบ e-power ยังมีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปที่ได้รับพลังงานไฟฟ้ามาจากชาร์จแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวอีกด้วย
โดยทั่วไป โครงสร้างของระบบรถยนต์ไฟฟ้าแบบ นิสสัน ลีฟ จำเป็นต้องมีมอเตอร์และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งยากต่อการนำระบบไปประยุกต์ให้เข้ากับรถยนต์แบบคอมแพ็กต์ทั่วไปได้ แต่ทีมวิศวกรของนิสสันสามารถค้นพบวิธีการที่ลดได้ทั้งขนาดและน้ำหนักไปจนถึงพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์และจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ได้ทำให้ขุมพลัง e-Power มีแบตเตอรีjที่มีขนาดเล็กกว่า นิสสัน ลีฟ แต่สามารถให้ความรู้สึกในการขับขี่ได้เหมือนกับการขับรถพลังงานไฟฟ้า 100%
ประโยชน์ของ e-POWER
ขุมพลังแบบ e-POWER (อี-เพาเวอร์) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับ นิสสัน ลีฟ ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ e-Power เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย
โดยสรุปแบบเข้าใจง่ายๆ ว่ารถที่ใช้เทคโนโลยี e-Power ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ อารมณ์การขับเหมือนรถไฟฟ้า 100% เพียงแต่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่ตัวรถ เพราะไม่ต้องชาร์จไฟ กลับสู่การเติมน้ำมันแบบปกติอย่างที่เคยทำกันมาแค่นั้นเอง สบายใจได้ว่าไม่มีแบตหมดกลางทาง แถมยังเป็นการขับรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ให้สนุกเหมือนเดิมอีกด้วย…เอาเป็นว่าวันเปิดตัวมารอลุ้นกันว่าราคาของ Kicks e-Power จะทำได้น่าสนใจขนาดไหน
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 13.30-14.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
และได้ทาง www.youtube.com/AutoLikeTV