New MG IM6 เอสยูวีพรีเมียมสไตล์คูเป้ เปิดค่าตัว 1.399-1.799 ล้านบาท

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดตัว NEW MG IM6 มาเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ EV premium ของ เอ็มจี ด้วยการเป็น The First-ever Premium intelligent e-SUV ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่าง วิถีใหม่ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การใช้รถอีวีไปสู่อีกระดับ
โดยราคาจำหน่าย NEW MG IM6 มีดังนี้

นิยามบทใหม่แห่งการสร้างสรรค์ยนตรกรรมสุดพรีเมียมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี NEW MG IM6 สะท้อนภาพการไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ที่พร้อมเปลี่ยนโลกยนตรกรรมของ SAIC MOTOR CORPORATION ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ็มจี ในการรังสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตระดับพรีเมียมที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้รถที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะ อาทิ ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ(Intelligent Air Suspension)
ดีไซน์ภายนอกหรูหราแต่ล้ำสมัย แปลกใหม่และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร NEW MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าสุดหรู สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พร้อมสร้างภาพจำของรถเอสยูวีอีวีครั้งใหม่ โดยเป็นผลงานการออกแบบดีไซน์ร่วมกันของนักออกแบบจาก SAIC MOTOR CORPORATION และ University of Art London ดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ที่ตัวรถ เน้นความโค้งมน ดูพลิ้วไหว ดีไซน์กระจังหน้าเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้าดีไซน์แบบ L Shape ทำให้รถดูโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายพาดยาวแบบ Skyline Taillights และการออกแบบเส้นสายให้ดูโค้งโอบล้อมลงตัวเข้ากับช่วงท้ายรถ ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว
• มิติตัวถัง 4,904 x 1,988 x 1,669 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
• ระยะความยาวฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร
• กระจกข้างแบบไร้กรอบ พร้อมกระจกรอบคัน 2 ชั้น
• ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
• ไฟหน้า ไฟท้าย และ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
• ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
• กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
• ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
• หลังคากระจกพาโนรามิก
• ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)
• ล้ออัลลอยด์ ขนาด 21 นิ้ว สำหรับรุ่น Performance AWD และขนาด 20 นิ้ว สำหรับรุ่น Premium 2WD
ภายในเหนือระดับ กับหลากลูกเล่นที่ตอบไลฟ์สไตล์ สะดวกสบาย และลงตัว การออกแบบภายในเน้นความเรียบหรู และคำนึงถึงความสะดวกสบายให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดย NEW MG IM6 ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุพรีเมียม และการจัดวางเส้นสายที่ประณีตบรรจง ช่วยเพิ่มสุนทรีย์ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมการออกแบบเพื่อการใช้งาน ที่เน้นความกว้าง ทำให้ดูโล่ง โปร่ง สบาย แต่ยังมีสไตล์ และมีความเฉพาะตัว ทั้งยังคงจุดเด่นของการเป็นรถอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระรอบคัน ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ล้ำสมัย และใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับไฮเอนด์
• ดีไซน์คอนโซลหน้าเน้นความเรียบหรูด้วยวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger)
• ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
• ให้ความนุ่มนวลและสบายในทุกที่นั่งด้วยเบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง พร้อมสัมผัสพรีเมียมโดยหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์
• เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่
• เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง พับได้ 60:40
• หน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ
• ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด
• ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS
• Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี
• กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
• กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
• ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถ จุได้มากถึง 32 ลิตร
• พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถ จุได้มากถึง 596 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,640 ลิตร พร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตร
• ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ เตะเปิดอัตโนมัติ
• ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
• ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด
• เพิ่มเติมความพิเศษด้วย IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์เฉพาะจาก SAIC เพื่อครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานรถอย่างแท้จริง
พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น ด้วยสมรรถนะและขุมพลังการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ NEW MG IM6 รังสรรค์บนแชสซีดิจิทัลอัจฉริยะใหม่ (IM Digital Chassis) ที่ทำจากอะลูมิเนียม มอบความสมดุลและประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมมาพร้อมกับชิปประมวลผลระดับไฮเอนด์สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง
ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor รุ่น Premium 2WD มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลังสูงสุด 295 แรงม้า (217 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที รุ่น Performance AWD มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 778 แรงม้า (572 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด (Top speed) ได้มากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 2 ระดับ รัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน จาก Continental ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมระบบถุงลม และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมระบบถุงลมสำหรับรุ่น Performance AWD ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลนมีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ถอยจอดและขับออกอย่างสะดวกสบายด้วยปลายนิ้วสัมผัสกับระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) ฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกัน เพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด ระบบการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Snow / Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่
มั่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย พร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซน์เพื่อรองรับ EURO-NCAP ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System) ระบบช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control) ระบบะช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้งระบบช่วยเตือน มุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) และระบบระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้าและหลัง ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมการ์ด NFC สำหรับแปะเพื่อล้อคและปลดล็อคตัวรถ
ใช้ง่าย ชาร์จไว ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายจากความเหนือชั้นและขั้นกว่าของสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานที่ออกแบบโดยเฉพาะจาก SAIC MOTOR CORPORATION ทำให้ NEW MG IM6 มีความสามารถในการชาร์จไฟได้ไวและเพิ่มระยะทางในการขับต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ เอ็มจี ยังมอบความสะดวกสบาย ให้การใช้รถอีวีเป็นเรื่องที่ง่ายด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG SUPER CHARGE ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 140 แห่ง ทั่วประเทศ
โดยแบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion รุ่น Premium 2WD ขนาดความจุ 75 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 400 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC รุ่น Performance AWD ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบ Cooling system เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที แบตเตอรี่ 12V แบบ Lithium- ion ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาน้อยกว่า 20 นาที* ด้วยแรงดันไฟฟ้า 800 โวลต์ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 kW รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
NEW MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าสุดพรีเมี่ยม ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Premium 2WD และรุ่น Performance AWD โดยมีสีตัวถังให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีชมพู Ferdinand Pink สีขาว Raphael Beige สีดำ Ares Black และสีเทา Rembrandt Grey และเตรียมพบกันได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองธานี
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30-23.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
ทางยูทูป www.youtube.com/AutoLikeTV
และ TIKTOK www.tiktok.com/@autoliketv