นิสสัน เผยโฉม Serana e-Power ใหม่ เคาะค่าตัวที่ 1,690,000 บาท

นิสสัน ประเทศไทย เปิดตัว “Serana e-Power ใหม่” รถยนต์เอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี e-Power เอกสิทธิ์ของนิสสัน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น ตอบสนองทันใจแบบรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ครบครันตามคอนเซ็ปต์ “Big. Easy. Fun.” ที่จะมอบ “ความสนุกที่ใช่ ความสบายที่ชอบ” ให้แก่ครอบครัวนักเดินทาง นิสสันเปิดให้จองนิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่ ได้ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ ในราคา 1,690,000 บาท และพร้อมส่งมอบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
นิสสัน Serana e-Power ใหม่ ได้รับการยอมรับด้วยการเป็น รถยนต์เอนกประสงค์แบบเอ็มพีวี (MPV) ขนาดกลางอันดับ 1 ของญี่ปุ่น การเปิดตัวสู่ตลาดของประเทศไทยในครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการรถเอ็มพีวีในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้เวลาคุณภาพร่วมกับครอบครัวหรือกลุ่มคนที่รัก ควบคู่ไปกับความต้องการยานยนต์ที่ล้ำสมัย การเปิดตัว นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ จึงไม่เพียงสะท้อนวิสัยทัศน์ของนิสสันในการขับเคลื่อนการเดินทางแห่งอนาคต แต่ยังเป็นตอบสนองไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างตรงใจ
นิสสัน Serana e-Power ใหม่ มาพร้อมกับโฉมใหม่ดูทันสมัย ปราดเปรียว มีระดับมากขึ้น กระจังหน้าดีไซน์ Next Generation V-Motion สะท้อนถึงพลัง ให้ความรู้สึกถึงการพุ่งทะยานไปข้างหน้า สวยงาม และโฉบเฉี่ยว กันชนหน้า และหลัง ดีไซน์สปอร์ตพร้อมสเกิร์ตในตัว ไฟหน้า และหลัง แบบ Full LED ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วสีทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังคา และด้านข้าง ที่ช่วยลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง กระจกรอบคันขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง กระจกบานหน้า และหน้าต่างประตูคู่หน้า เป็นแบบ Acoustic Glass หนา 2 ชั้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในห้องโดยสารของ นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่ ทันสมัยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลมากขึ้น ด้วยหน้าจอ TFT 12.3 นิ้ว ความละเอียดสูงให้ภาพคมชัด พร้อมกราฟิกเคลื่อนไหว 3 มิติ สามารถเลือกการแสดงผลหน้าจอตามต้องการ การออกแบบอุปกรณ์ และปุ่มกดต่างๆ บนแผงหน้าปัดคำนึงถึงการใช้งานที่สะดวก เอื้อมถึงได้ง่าย และปลอดภัยไปในตัว นอกจากนี้ หน้าจอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว เลือกแสดงผลเป็นภาษาไทยได้ พร้อมระบบ NissanConnect ยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมทั้งยังมีปุ่ม Camera สำหรับระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitoring : IAVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง เพิ่มความปลอดภัยขณะจอดหรือเคลื่อนตัวในช่วงความเร็วต่ำ
เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำทั้ง 3 แถวที่ใช้โครงสร้าง Zero Gravity นั่งสบายแม้เดินทางไกล เบาะแถว 2 แบบ Captain Seat สามารถปรับแยกได้อย่างอิสระ พร้อมโต๊ะอเนกประสงค์แบบพับได้ ส่วนเบาะแถว 3 สามารถปรับเอน และพับเก็บได้ ภายในยังเพิ่มความสะดวกสบายมากมาย อาทิ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่พร้อมช่องเก็บของใต้พื้นที่ด้านหลัง ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด ช่องชาร์จ USB-C ทุกแถวที่นั่ง รวมทั้งยังมีช่องชาร์จแบบ Type A ในที่นั่งแถวหน้า และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย อีกทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน พร้อมระบบฟอกอากาศ Plasmacluster ที่ช่วยลดฝุ่น PM2.5 ภายในห้องโดยสารได้อีกด้วย
เทคโนโลยี e-Power ของนิสสัน ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ให้พลังสูงถึง 163 แรงม้า ให้แรงบิด 315 นิวตันเมตร สามารถออกตัวได้เร็ว เร่งแซงได้อย่างทันใจ มั่นใจ โดยไม่ต้องรอรอบ เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.77 kWH ขณะที่ชุดเครื่องยนต์สำหรับสร้างกระแสไฟฟ้า เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในใหม่ รหัส HR14DDe ขนาดความจุ 1.4 ลิตร 3 สูบ แบบหัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชั่น รองรับน้ำมัน E10 โดยพัฒนามาสำหรับเทคโนโลยี e-Power โดยตรง ให้ประสิทธิภาพสูงในการสร้างกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Mirror Bore Coating ที่ช่วยลดแรงเสียดทาน และลดเสียงจากการสั่นสะเทือน ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินได้เรียบ และเงียบมากขึ้น ทำให้การเดินทางที่ราบรื่น นุ่มนวล มีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อย และให้ความเงียบในห้องโดยสารเงียบกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายในแบบเดิม
มาพร้อมระบบคันเร่งอัจฉริยะ อี-เพดัล สเต็ป (e-Pedal Step) ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปิดการใช้งานระบบนี้ได้อย่างอิสระตามต้องการ ให้ความสะดวกในการเร่ง และชะลอความเร็วได้ในคันเร่งเดียว สะดวกสบายเมื่อต้องขับขี่ในเมือง หรือในช่วงการจราจรคับคั่ง ในขณะเดียวกันการขับขี่ด้วย อี-เพดัล สเต็ป สามารถช่วยเพิ่มการฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ได้ดีมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่เสริมประสบการณ์ในการขับขี่ ให้สะดวกสบาย และง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ ปุ่มกดสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ ที่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มแทนการปรับคันเกียร์ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย สะอาดตา ใช้งานง่าย มีไฟเรืองแสงช่วยให้เห็นชัดเจนแม้อยู่ในที่มืด รวมถึง N Hold Mode ที่ทำให้สามารถเข็นรถได้ง่าย ให้ความสะดวกเมื่อต้องจอดซ้อนคัน รวมถึง เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold ที่เสริมความสะดวกในการใช้งาน
มีรูปแบบการขับขี่ 3 โหมดหลัก ได้แก่ Standard mode ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัด, Sport mode ที่เน้นการตอบสนองรวดเร็ว ขับสนุกสไตล์สปอร์ต และ Eco Mode ที่เน้นการประหยัดพลังงาน ให้การขับขี่นุ่มนวล โดยมี ฟังก์ชัน B ที่เพิ่มแรงหน่วง หรือ ช่วยเบรก และเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน หรือ Regenerative รวมถึง EV mode ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบและอีกขั้นของความประหยัด
นิสสัน Serana e-Power ใหม่ ยังคงแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ คือ Big. Easy. Fun. ได้อย่างโดดเด่น ด้วยความใหญ่ (Big) จากห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกัน กระจกบานใหญ่รอบคันให้ทัศนวิสัยดีเยี่ยม มอบความรู้สึกโปร่ง โล่ง ช่วยลดอาการเมารถได้ มาพร้อมความง่ายในทุกการใช้งาน (Easy) จากประตูสไลด์อัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรีทั้ง 2 ด้าน และฝาท้ายอเนกประสงค์แบบ Dual Back Door หนึ่งเดียวในตลาดรถยนต์เอ็มพีวี ที่เปิดได้ทั้งแบบเต็มบาน และครึ่งบาน รวมถึงความสนุก (Fun) จากความอเนกประสงค์ในการปรับที่นั่งได้ถึง 13 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโหมดขนกระเป๋า โหมดเพิ่มพื้นที่ช่วงขา โหมดปรับเบาะแถว 2 และ 3 ราบเป็นห้องนั่งเล่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว
มีเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Nissan Safety Shield พร้อมระบบป้องกัน และปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ครบครัน อาทิ ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า หรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) ที่สามารถตรวจจับรถยนต์ด้านหน้าได้ถึง 2 คัน กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ที่ได้รับความชื่นชอบจากลูกค้าจากความเหมาะสมสำหรับรถยนต์แบบ MPV ระบบสัญญาณแจ้งหยุดฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) ที่สามารถปรับเปลี่ยนความเร็วตามรถคันหน้าจนถึงหยุดนิ่ง ระบบป้องกันการชนรถในจุดอับสายตา (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) ที่ทำงานคู่กับระบบควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง (Intelligent Lane Intervention – ILI) และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้การปกป้องเมื่อไม่สามารถเลี่ยงอุบัติเหตุได้ เช่น ถุงลมนิรภัย SRS 6 ใบ บริเวณคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย และระบบที่ให้ความสะดวก และปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ เช่น ระบบล็อกรถอัตโนมัติ Walk-Away Door Lock พร้อมระบบปลดล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทเข้าใกล้ตัวรถ เป็นต้น
นิสสัน Serana e-Power ใหม่ มี 1 เกรด คือ Highway Star โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 6 สี* ได้แก่ สีฟ้าเทอร์ควอยซ์บลู หลังคาดำ สีขาวปริซึมไวท์ หลังคาดำ สีขาวปริซึมไวท์ สีดำไดมอนด์แบล็ค สีเทากันเมทาลิก และสีเงินบริลเลียนท์ ซิลเวอร์
นอกจากนี้ นิสสัน ยังเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่อย่างไร้กังวลด้วยการรับประกันตัวรถ 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร** การรับประกันระบบขับเคลื่อน อี-พาวเวอร์ นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร** และการรับประกัน 10 ปี สำหรับแบตเตอรี่กำลังสูงในระบบ อี-พาวเวอร์ โดยไม่จำกัดระยะทาง***
นอกจากการเปิดตัว นิสสัน Serana e-Power ใหม่ นิสสันยังคงนำรถยนต์รุ่นหลักคุณภาพเยี่ยมที่ได้รับรางวัล Car of The Year มากมายมาจัดแสดงในงาน ได้แก่ นิสสัน Serana ที่ได้รางวัล Car of The Year ประเภท รถยนต์ เอ็มพีวี ขนาดกลาง (Best mid-size MPV) นิสสัน Kicks e-Power “คันเดียวที่ใช่ ทั้งแรงทั้งประหยัด” ที่ได้รางวัล Car of The Year ประเภท รถยนต์ เอสยูวีเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาดความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1.300 ซีซี (Best Hybrid SUV under 1,300 cc) นิสสัน Navara “ทน พร้อม ลุย” ที่ได้รางวัล Car of The Year ประเภท รถยนต์กระบะยกสูงขนาดความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี (Best high-lift Pickup under 2,500cc) นิสสัน Almera “แรงจริง จัดให้” และ นิสสัน Terra “คันเดียวจบครบเกินคุ้ม” รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว
พร้อมโปรโมชั่นพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2568 ที่จะทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพเยี่ยมได้ง่ายยิ่งขึ้นกับแคมเปญ SAY YES! ที่หลากหลายสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการของตนเอง ตั้งแต่ดอกเบี้ยต่ำ 0% ไปจนถึงผ่อนนาน 96 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
ผู้ที่สนใจ สามารถแวะมาเยี่ยมชมบูธนิสสันในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ได้ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ
‘* สีฟ้าเทอร์ควอยซ์บลูหลังคาดำ และ สีขาวปริซึมไวท์หลังคาดำ เพิ่ม 20,000- บาท สีขาวปริซึมไวท์ เพิ่ม 12,000 บาท
‘** แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
‘*** เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30-23.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
ทางยูทูป www.youtube.com/AutoLikeTV
และ TIKTOK www.tiktok.com/@autoliketv