3 จุดเด่นที่ทำให้ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปเรียบร้อยแล้วกับ “รถเอสยูวีที่ขายดีที่สุดในโลก” อย่าง “นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่” (New Nissan X-TRAIL) ที่มีการปรับโฉมให้คมชัดและน่าสนใจมากขึ้น ทีนี้มาสำรวจกันดูว่า เอ็กซ์เทรล ใหม่ มีอะไรที่เป็นจุดเด่นที่ควรค่ากับการตัดสินใจเป็นเจ้าของกันบ้าง ซึ่ง AutolikeTV ดูแล้วมี 3 จุดเด่นหลัก..มาเริ่มกันเลย
1. รูปโฉมดูดี ภายในกว้างขวาง เหมาะสมกับการเป็นรถเอสยูวี โดยเอ็กซ์เทรล ใหม่ เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ปรับการออกแบบให้ตัวถังมีมิติมากขึ้น มีซุ้มล้อที่ใหญ่และเส้นสายที่โค้งมนบนฝากระโปรง รวมทั้งกระจังหน้ารูปตัววีที่ปรับใหม่ดูสะดุดตากว่าเดิม ปรับกันชนหลังให้โค้งรับกับไฟท้ายทรงบูมเมอแรง เสริมหล่อด้วยล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 19 นิ้ว ใหญ่พอดีๆ (ในรุ่น 2.5VL 4WD) แล้วยังโดดเด่นด้วยสีส้มใหม่ “สีส้ม โมนาร์ช” (Monarch Orange) ที่เป็นสีโปรโมทไปทั่วโลก
ส่วนห้องโดยสารนั้นเป็นจุดเด่นสำคัญ ออกแบบให้มีความกว้างขวาง นั่งสบายในทุกตำแหน่ง มีเบาะนั่งแบบ 5+2 ที่นั่ง (ในรุ่น 2.5 ลิตร) และแบบ 5 ที่นั่ง (ในรุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร) ซึ่งสามารถปรับพื้นที่ห้องโดยสารให้ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์เหมาะกับครอบครัวใหญ่ ซึ่งที่นั่งแถว 2 สามารถแยกพับได้ 60:40 และที่นั่งแถว 3 แบบ 50:50 ด้านประตูท้ายเป็นแบบอัตโนมัติ เปิด-ปิด ด้วยระบบแฮนด์ฟรี เสริมความโปร่งโล่งสบายด้วยหลังคาแบบพาโนรามิกซันรูฟ ซึ่งเอสยูวีหลายรุ่นไม่มีหลังคาแบบนี้ รวมทั้งเพลิดเพลินในการเดินทางด้วยระบบความบันเทิงรูปแบบใหม่ แบบ A-IVI ที่เพิ่มเติมเข้ามาให้เหนือกว่าเดิม
เครื่องยนต์เบนซิน มีขนาด 2.5 ลิตร
2. ขุมพลังที่เป็นทางเลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินและไฮบริด แรง ประหยัด และขับสนุก โดยเครื่องยนต์เบนซิน มีขนาด 2.5 ลิตร 171 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ในขณะที่เครื่องยนต์แบบไฮบริดขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงที่ 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมกำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงม้าสูงสุด 41 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ที่เมื่อรวมพละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วจะมีถึง 179 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT พร้อมระบบ Manual Mode 7 สปีด
เครื่องยนต์แบบไฮบริดขนาด 2.0 ลิตร
ไม่เพียงเท่านี้ นิสสันยังจัดให้เอ็กซ์เทรล ใหม่ พร้อมเดินทางในทุกเส้นทางด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโรเตอร์สวิตช์ (4x4i with roter switch) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด สามารถเลือกโหมดการขับได้ 3 รูปแบบ คือ ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full Time
3. เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยที่จัดเต็มรอบด้าน เพิ่มความคุ้มค่าคุ้มราคาถึง 8 เทคโนโลยี คือ
- เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ หรือ Intelligent Cruise Control (ICC) ระบบนี้จะควบคุมความเร็วที่สั่งการได้อัตโนมัติ ในสถานการณ์ที่มีรถอยู่ข้างหน้า ระบบสามารถชะลอรถตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างระหว่างรถตามที่ปรับไว้ได้เองโดยอัตโนมัติ เมื่อสามารถกลับมาใช้ความเร็วได้ ระบบจะปรับความเร็วขึ้นเองโดยอัตโนมัติ กลับไปสู่ความเร็วที่ผู้ขับได้ตั้งไว้
- เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย หรือ Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เป็นระบบเตือนระหว่างเข้าเกียร์ถอยหลัง เมื่อตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาด้านหลังทั้งซ้ายและขวา ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกระพริบเตือนในด้านเดียวกับที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา
- เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ หรือ Intelligent Forward Collision Warning (FCW) เป็นเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าหากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า ระบบจะส่งสัญญาณ และเสียงเตือน
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ หรือ Intelligent Emergency Braking (IEB) จะทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็ว ด้วยกล้องด้านหน้าแล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถ บรรเทาอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดจากการชนรถยนต์ด้านหน้า
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) จะแจ้งเตือนด้วยเสียงและสัญลักษณ์บนหน้าปัทม์ เมื่อรถเคลื่อนที่ออกนอกช่องจราจร ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุจากการไถลออกด้านข้าง โดยระบบจะทำงานเมื่อมีการขับเคลื่อนด้วยความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา หรือ Blind Spot Intervention (BSW) เมื่อมีรถยนต์อยู่ในจุดอับสายตา ทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นด้วยระบบเตือนอัจฉริยะนี้จะทำให้ทุกการขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น เพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนช่องทางขับขี่ ทันทีที่สัญญาณไฟเลี้ยวถูกเปิด ระบบจะส่งเสียงสัญญาณพร้อมไฟกะพริบเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าขณะนั้นกำลังมีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้างซึ่งผู้ขับไม่สามารถมองเห็น
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitor (iAVM) ระบบจะช่วยให้ผู้ขับมองเห็นภาพพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 ชุดรอบคันกล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล จากนั้นแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และยังทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ด้านหน้าและด้านหลังของ ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD) ทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญานเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย และให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างคล่องตัว
นอกเหนือจาก 3 จุดเด่นนี้แล้ว นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ (New Nissan X-TRAIL) ยังเติมเต็มความปลอดภัย ได้แก่ เทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Asisst: HBA) ระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างยามค่ำคืนอย่างเหมาะสมและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ หลักการทำงานของระบบจะมีกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวและคำนวณระดับความสว่างอัตโนมัติ ตอบสนองความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรถที่สวนทาง ช่วยปรับวิสัยทัศน์ขณะขับขี่ในเวลากลางคืนให้สว่างและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยไม่รบกวนรถคันอื่น
รวมทั้ง ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง (Active Engine Brake: AEB), ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Active Ride Control: ARC), ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC), ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC), ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (Active Brake Limited Slip: ABLS) และถุงลม 6 จุด ได้แก่ ถุงลม SRS คู่หน้า ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ (New Nissan X-TRAIL) จัดเต็มมาขนาดนี้จะไม่คุ้มค่า คุ้มราคาได้อย่างไร แถมยังมีราคาที่น่าสนใจแบ่งออกเป็น 5 รุ่น คือ
- รุ่น 2.5S 2WD ราคา 1,350,000 บาท
- รุ่น 2.5V 2WD ราคา 1,460,000 บาท
- รุ่น 2.5VL 4WD ราคา 1,660,000 บาท
- รุ่น 2.0V 4WD Hybrid ราคา 1,537,000 บาท
- รุ่น 2.0VL 4WD Hybrid ราคา 1,617,000 บาท
และมีสีภายนอก 6 สีให้เลือก ได้แก่ สีแดง เรเดี้ยนเรด, สีดำ แบล็คสตาร์, สีขาว สตอร์มไวท์, สีเงิน บริลเลี่ยนซิลเวอร์, สีเทา ดีพไอริสเกรย์ และสีใหม่ สีส้ม โมนาร์ช อีกด้วย…น่าสนใจขนาดนี้ ต้องไปทดลองขับที่โชว์รูมและศูนย์บริการนิสสันที่มีกว่า 180 แห่งใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นิสสันคอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-401-9600 หรือเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.nissan.co.th
สีส้ม โมนาร์ช
สีดำ แบล็คสตาร์
สีขาว สตอร์มไวท์
สีเงิน บริลเลี่ยนซิลเวอร์
สีแดง เรเดี้ยนเรด
สีเทา ดีพไอริสเกรย์
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 13.30-14.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
และได้ทาง www.youtube.com/AutoLikeTV