เปิดไทม์ไลน์กว่า 2 ทศวรรษปิกอัพ “มาสด้า” ในประเทศไทย จาก “ไฟเตอร์” ถึง “บีที-50 ใหม่” ปิกอัพที่สง่างามที่สุดในโลก

นับจากปี 2463 จากโรงงานผลิตจุกไม้ค๊อกในเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ก่อตั้งนามว่า มร.จูจิโร มัทสึดะ ก่อนที่จะทำการผลิตรถยนต์เป็นครั้งแรกในปี 2474 ด้วยจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในวันนั้นได้เติบโตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 1 ศตวรรษที่มาสด้าถือกำเนิดขึ้นมา
มร.จูจิโร มัทสึดะ ผู้ให้กำเนิดแบรนด์ “มาสด้า”
สำหรับประเทศไทย “มาสด้า” ได้เข้ามาอยู่ในชิวิตคนไทยเป็นระยะเวลาร่วม 70 ปี นับตั้งแต่ปี 2494 ภายใต้ชื่อ “มาสด้าสุโกศล” โดย “ตระกูลสุโกศล” ในฐานะบริษัทนำเข้า ซึ่งรถรุ่นแรกที่นำเข้าจากฮิโรชิมามาจำหน่ายเป็น “กระบะ 3 ล้อ” ก่อนที่อีก 9 ปีต่อมา ก็ได้แนะนำ “มาสด้า R360คูเป้” สู่ตลาด กระทั่งปี 2504 มาสด้าสุโกศล ก็ถือเป็นผู้แทนจำหน่ายมาสด้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
ก่อนจะมาผลิตรถ มีจุดเริ่มต้นมาจากโรงงานผลิตจุกไม้ค๊อกในเมืองฮิโรชิมา
Mazda-GO Type-DA รถมอเตอร์ไซค์สามล้อเพื่อการบรรทุก
จะเห็นว่าในยุคเริ่มแรก รถในญี่ปุ่นจะเริ่มจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วขยับดีไซน์กลายเป็นสามล้อ แต่ยังคงเป็นรถที่มีขนาดที่เล็กให้เหมาะกับการใช้งาน โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นช่วงของการฟื้นฟูประเทศ
22 ปี มาสด้าประเทศไทย
เดือนพฤศจิกายนปี 2538 มาสด้าและฟอร์ดร่วมทุนจัดตั้ง “บริษัท ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด” หรือ AAT เพื่อเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถปิกอัพมาสด้าและฟอร์ดที่จังหวัดระยอง และเริ่มทำการผลิตในเดือนธันวาคม 2540 กระทั่งปี 2542 บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอปอเรชั่นฯ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน “มาสด้าสุโกศล” กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” เพื่อจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในประเทศไทย
มาสด้า แฟมิเลีย (Mazda Familia) ต้นตระกูลของ มาสด้า BT-50 ในปัจจุบัน
มาสด้า ไฟเตอร์ (FIGHTER) เข้ามาเปิดตลาดในไทย และสร้างความน่าสนใจได้เป็นอย่างดี
ถ้ายังจำกันได้ ตอนนั้น สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยสากลสมัครเล่นกำลังโด่งดังจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของประเทศไทย และถูกเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับมาสด้า ไฟเตอร์
ในยุคนั้นถือว่าเป็นการจับคู่กันได้อย่างลงตัวทั้งผลิตภัณฑ์และพรีเซนเตอร์
ปี 2541 : ประเดิมเปิดตลาดปิกอัพด้วย “ไฟเตอร์” (FIGHTER)
ปี 2541 “มาสด้า” ประเดิมเปิดตลาดด้วยปิกอัพ “ไฟเตอร์” (FIGHTER) มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 รุ่นคือ รหัส WL 2.5 ลิตร, WLT 2.5 เทอร์โบ และ W9 2.9 ลิตร จนถึงปี 2542 มาสด้าได้ชูภาพลักษณ์ของ “ไฟเตอร์” ให้เป็นปิกอัพสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมด้วยคอนเซ็ปต์ “ปิกอัพ…ขับสนุก” ก่อนที่ปีถัดมาจะออกไฟเตอร์เวอร์ชั่นหลากสีอาทิ สีส้ม เลอมังส์ และ สีดำนินจา
ปี 2545 มาสด้าได้เปิดตัวแนวความคิดความสนุกสนาน “Zoom-Zoom” เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งได้ส่ง “ไฟเตอร์ ฟรีสไตล์แค็บ” สู่ตลาดถือเป็นเซกเมนท์ใหม่ของตลาดปิกอัพในวันนั้น และส่งผลให้ไฟเตอร์สามารถสร้างยอดให้กับมาสด้ามาหลายปี จนถึงปี 2549 ก็มีถึง 50,000 คัน
มาสด้า บีที-50 โฉมใหม่ ที่มีเครื่องยนต์แรงที่สุดในตอนนั้น และมีหน้าตาที่สดใหม่ในตลาด
ปี 2549 : ได้เวลาของ “บีที-50” (BT-50)
ต้นปี 2549 เมื่อ “ไฟเตอร์” สิ้นสุดวาระในตลาดปิกอัพไทย มาสด้าจึงเปิดตัวปิกอัพใหม่สู่ตลาดในชื่อว่า “บีที-50” (BT-50) โดยได้เนรมิตรโกดังสินค้าขนาดใหญ่ย่านท่าเรือคลองเตย เป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 9 มีนาคม 2549 ด้วยทางเลือกตัวถังถึง 3 แบบ ทั้งรุ่นซิงเกิลแค็บ ฟรีสไตล์แค็บ และดับเบิลแค็บ และทางเลือกเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 2,5L 3.0L และ 2,5LT ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีความแรงที่สุดในยุคนั้น นอกจากนี้ด้วยระบบส่งกำลังที่มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ที่เป็นครั้งแรกในวงการรถกระบะเมืองไทย ส่งผลให้ BT-50 มียอดขายจนถึงปี 2555 รวมแล้วถึง 52,000 คัน
นอกจากฮีโรเหรียญทองแล้ว ยังดึง ผู้พันเบิร์ด อีกหนึ่งฮีโร่ของคนไทย มาเป็นพรีเซนเตอร์อีกด้วย
ปี 2555 : บีที-50 โปร (BT-50 PRO) “ขับเคลื่อนทุกสิ่ง…ให้เป็นจริงได้”
24 มกราคม 2555 มาสด้าเริ่มสตาร์ทออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปี อาศัยศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเปิดตัว “มาสด้า บีที-50 โปร” (BT-50 PRO) พร้อมคอนเซ็ปต์ฮีโร่ “ขับเคลื่อนทุกสิ่ง…ให้เป็นจริงได้” โดยเน้นดีไซส์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม พร้อมดึงเอา “ผู้พันเบิร์ด – พันเอก วันชนะ สวัสดี” ฮีโร่ในดวงใจของคนไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยมีให้เลือกทั้ง ฟรีสไตล์แค็ป และดับเบิ้ลแค็ป พร้อมกับ 2 เครื่องยนต์ คือ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า 470 นิวตันเมตร และ 2.2 ลิตร 150 แรงม้า 375 นิวตันเมตร และมีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดครั้งแรกของรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยระดับราคาเริ่มต้น 589,000 บาท ไปจนถึง 988,000 บาท
ปี 2558 : บีที-50 โปร ใหม่ (NEW BT-50 PRO) TOUGH AS LIFE
6 สิงหาคม 2558 มาสด้าปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์พร้อมจัดงานเปิดตัว “บีที-50 โปร ใหม่” (NEW BT-50 PRO) ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ภายใต้นิยามใหม่ “TOUGH AS LIFE ” โดยปรับทั้งภายนอกและภายในให้มีความสดใหม่ยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมาเสริมทัพ เป็นเครื่องเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร 166 แรงม้า 225 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลมีด้วยกัน 3 แบบคือ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า 470 นิวตันเมตร ตามด้วย 2.2 ลิตรเทอร์โบ 150 แรงม้า 375 นิวตันเมตร และ 2.2 ลิตร 125 แรงม้า 320 นิวตันเมตร ระดับราคามีตั้งแต่ 561,000 บาทในรุ่นสแตนดาร์ดแค็ป ดีเซล 2.2 ลิตร ไปจนถึงรุ่นท็อปดับเบิ้ลแค็ป 4×4 ดีเซล 3.2 ลิตร 1,023,000 บาท
แม้ว่ายอดขายในช่วงปีหลังๆ จะลดลงจนแทบจะอยู่ท้ายตารางตลาดปิกอัพ มาร์เก็ตแชร์จะค่อยๆ ลดลงจากเคยมี 4-5% จนปี 2563 ล่าสุดเหลือแค่ไม่ถึง 1% เท่านั้น แต่เมื่อรวมยอดขายสะสมจนถึงสิ้นปี 2563 สำหรับ “บีที-50 โปร” แล้วก็มีถึง 120,000 คัน และเมื่อรวมจากปี 2541 จนปัจจุบันมีประชากรปิกอัพมาสด้าที่ผลิตและจำหน่ายในตลาดบ้านเราไปแล้วถึง 222,000 คันเลยทีเดียว
ปี 2563 : “มาสด้า บีที-50 ใหม่” ให้สื่อไทยลองขับแต่ยังไม่เปิดตัว
หลังจากที่ “มาสด้ามอเตอร์” บรรลุข้อตกลงในการมอบหน้าที่การผลิตปิกอัพโมเดลใหม่ให้กับ “โรงงานอีซูซุประเทศไทย” โดย “บีที-50 ใหม่” พัฒนาบนพื้นฐาน รวมถึงเครื่องยนต์ที่ใช้ร่วมกับอีซูซุดีแมคซ์ แต่พัฒนาออกแบบรูปลักษณ์ภายใต้โคโดะดีไซน์ของมาสด้า และได้เปิดให้สื่อมวลชนไทยได้มีโอกาสสัมผัสและลองขับในรูปแบบ Sneak Preview ณ สนามทดสอบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา
ปี 2564 : ได้เวลาของ “มาสด้า บีที-50 ใหม่” (ALL NEW MAZDA BT-50) ปิกอัพที่สง่างามที่สุดในโลก
21 มกราคม 2564 – สิ้นสุดการรอคอย มาสด้าจัดงานแถลงข่าวแบบนิวนอร์มอล ณ CENTERPOINT STUDIO ซอยลาซาล เปิดตัว ALL NEW MAZDA BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่อย่างเป็นทางการ ด้วยแนวคิด “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เป็นการผนวกคุณสมบัติของปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ดีไซน์ที่ออกแบบอย่างสง่างามที่สุดในโลก จาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ “LESS IS MORE” ผสานรูปลักษณ์ทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวีในตระกูล CX-SERIES คุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร และถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดรถปิกอัพ ที่สามารถใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “BUILT FOR DRESS AND JEANS” ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย
มาสด้า บีที-50 ใหม่ มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ประกอบด้วย ดีเซล 3.0L 190 แรงม้า 450 นิวตัน-เมตร ได้รับการวางในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และดีเซล 1.9 ลิตร 150 แรงม้า 350 นิวตัน-เมตรวางอยู่ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ พร้อมด้วยเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และออพชั่นทั้งด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบสมบูรณ์ โดยมีทั้งหมด 14 รุ่นย่อย 3 รูปแบบตัวถังในระดับราคาตั้งแต่ 553,000 บาทไปถึง 1,153,000 บาท
คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป้าหมายมาร์เก็ตแชร์กว่า 5% ยอดขาย 15,000 คัน
ด้วยความพร้อมของรูปลักษณ์ที่ออกแบบภายใต้โคโดะดีไซน์เอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์มาสด้า ขณะที่ยังผนวกจุดเด่นของเครื่องยนต์และแพลทฟอร์มจากอีซูซุ ซึ่งแฟนๆ ปิกอัพมั่นใจในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำ จึงไม่แปลกใจว่านายใหญ่อย่าง “คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” ถึงประกาศความมั่นใจว่า มาสด้า บีที-50 ใหม่ จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนทุกมุมมองเกี่ยวกับรถปิกอัพโดยสิ้นเชิง REVOLUTIONARY CHANGE รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร อีกทั้งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างยอดขายและชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของมาสด้า ด้วยเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดกลับไปสู่ตัวเลขที่ 5% หรือมากกว่านั้น พร้อมกับยอดขายปีแรกที่ 15,000 คัน
คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ขณะที่ “คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน หรือประหยัดน้ำมันเท่านั้น วันนี้ลูกค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และดีไซน์มากขึ้น แนวคิดการออกแบบ คือ การผสมผสานความแข็งแกร่ง อึด ทน ในสไตล์รถปิกอัพเข้ากับ โคโดะ ดีไซน์ ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม จึงเกิดเป็นความโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร แต่บ่งบอกได้ว่า นี่คือ ปิกอัพสายพันธุ์ใหม่ของมาสด้า”
ด้วยองค์ประกอบที่ครบสมบูรณ์ ส่งผลให้หลังจากเปิดตัว ALL NEW MAZDA BT-50 ไปเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา มาสด้าก็สามารถเรียกกระแสปิกอัพเมืองไทยกลับมาได้สำเร็จ ส่งผลให้เพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นสามารถกวาดยอดจองทะลุ 1,000 คันไปแล้ว โดยเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 300 คัน และกำลังเร่งดำเนินการส่งมอบรถใหม่ให้ถึงมือลูกค้า ซึ่งถือเป็นความสำเร็จแบบสวนกระแสท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน
และทั้งหมดนี้คือ ไทม์ไลน์กว่า 2 ทศวรรษของปิกอัพ “มาสด้า” ในประเทศไทย ก่อนที่จะมาเป็น “มาสด้า บีที-50 ใหม่” (ALL NEW MAZDA BT-50) ปิกอัพที่สง่างามที่สุดในโลกคันนี้ครับ
ตารางยอดขาย/มาร์เก็ตแชร์ปิกอัพ “มาสด้า” ย้อนหลัง 10 ปี
ปี | ยอดขาย (คัน) | รถปิกอัพ (คัน) | มาสด้า (คัน) | มาร์เก็ตแชร์ตลาดปิกอัพ (%) |
2563 | 792,146 | 409,463 | 2,711 | 0.7 |
2562 | 1,007,552 | 492,129 | 5,664 | 1.2 |
2561 | 1,041,739 | 511,669 | 7,498 | 1.5 |
2560 | 871,650 | 424,282 | 5,939 | 1.4 |
2559 | 768,788 | 394,127 | 7,052 | 1.8 |
2558 | 799,632 | 396,898 | 8,054 | 2.0 |
2557 | 881,832 | 420,829 | 12,931 | 3.1 |
2556 | 1,330,672 | 588,115 | 25,984 | 4.4 |
2555 | 1,436,335 | 666,106 | 28,433 | 4.3 |
2554 | 794,081 | 365,636 | 8,744 | 2.4 |
หมายเหตุ : รวบรวมข้อมูลโดย AUTOLIKETV
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 23.00 -23.30 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
และได้ทาง www.youtube.com/AutoLikeTV