สำรวจรถเด่นมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 รถ EV มาแรง
ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ปีนี้ต้องยอมรับว่ารถกลุ่มพลังงานทางเลือกอย่าง EV, Hybrid, Plug-in Hybrid มาแรงจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีรถที่ใช้เครื่องยนต์ล้วนๆ ไม่ผสมไฟฟ้าที่ยังมีความน่าสนใจอีกหลายรุ่น ครั้งนี้ AutolikeTV ขอเลือกบางรุ่นมาเล่าสู่กันอ่านว่ามีรุ่นไหนที่เป็นไฮไลท์กันบ้าง
EQB 250 AMG Line
รถพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ผลิตและนำเข้าทั้งคันแบบ CBU มาพร้อมตัวถังในรูปแบบเอสยูวีที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกับรถ Compact SUV ของแบรนด์อย่าง GLB รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 66.5 kWh มีระยะทางการขับขี่สูงสุด 460 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 10 – 80% เพียง 32 นาที สำหรับการชาร์จแบบ AC รองรับสูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 0 – 100% ประมาณ 6 ชั่วโมง 50 นาที โดยนอกจากความโดดเด่นจากการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบเอสยูวีแล้ว EQB 250 AMG Line ยังมีการออกแบบในสไตล์ AMG ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งความบันเทิงและความสะดวกสบายภายในรถ ระบบความปลอดภัยขั้นสูงรวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลายรายการ ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าในระดับลักชัวรี่ ที่มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ต ตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในราคาที่เหมาะสม ราคาจำหน่ายที่ 3,020,000 บาท
BMW XM ใหม่
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ล้ำสมัย ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ที่ติดตั้งมาในรถยนต์รุ่นนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษเมื่อโลดแล่นบนท้องถนน โดยระบบขับเคลื่อน M HYBRID ให้กําลังรวมสูงสุด 653 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 800 นิวตันเมตร ด้านเครื่องยนต์สันดาปให้พละกำลังสูงสุด 489 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ 197 แรงม้า ให้แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด รวมถึงโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100% สำหรับการขับขี่ที่ปลอดมลพิษด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 98 กิโลเมตร อ้างอิงตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC โดยใช้พลังงานจาก ลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที สู่ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแรงทั้งหมดจะถูกส่งไปยังถนนอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถโดยกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ราคาจำหน่าย 14,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid
สำหรับ Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid ที่ บริษัท เอเอเอสฯ ออโต้ เซอร์วิส จำกัด นำเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยคันนี้ ตัวรถมาพร้อมกับเฉดสีฟ้า Light Windsor Blue by Mulliner และมีออปชั่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ล้ออัลลอยด์แบบมูลินเนอร์ ขนาด 22 นิ้ว ในเฉดสีเงินเคลือบเงา พร้อมตัวยึดโลโก้รูปตัว ‘B’ กึ่งกลางล้อ กระจังหน้าลวดลายเพชรแบบ 2 ชั้น (Double Diamond) ช่องระบายอากาศด้านข้างที่ตกแต่งด้วยลวดลายเพชร ตัวอักษร ‘Mulliner’ พร้อมฝาครอบกระจกข้างทูโทนเฉดสีเงิน และ Flying ‘B’ แบบเรืองแสง ติดตั้งบริเวณด้านหน้าของฝากระโปรง
ยังมีการตกแต่งภายในอื่นๆ อาทิ คอลโซลหน้าตกแต่งด้วยไม้วีเนียร์แบบ Grand Black สลักด้วยตัวอักษร ‘Mulliner’ นาฬิกา ‘Breitling for Mulliner’ แบบอนาล็อกหน้าปัดสีเงิน แผงหน้าปัดแบบ LED ที่มาพร้อมกับกราฟิกมูลินเนอร์แบบใหม่ที่มีสไตล์เฉพาะตัว และ Bentley Rotating Display ซึ่งประกอบด้วยแผงลายไม้วีเนียร์แบบเรียบหรู หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิกที่แสดงผลของ อุณหภูมิ เข็มทิศ และ นาฬิกา เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้น 19,000,000 บาท
Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ รุ่น Stormtrak
รุ่นท็อปใหม่ล่าสุดของเรนเจอร์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดท้าทายไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ ฟอร์ดได้ติดตั้งราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้มากถึง 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว ทั้งยังรองรับการติดตั้งหรือขนย้ายอุปกรณ์เพื่อการผจญภัยและการทำงานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น พร้อมรองรับน้ำหนักสูงสุดถึง 80 กก. ขณะขับและ 250 กก. ขณะจอด
มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่มาพร้อมตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 และ 4×2 ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter มีเทคโนโลยีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ (นอกเหนือจาก Ford Ranger Raptor ซึ่งเป็นรถกระบะในตระกูล Ford Performance) เปิดตัวในราคา 1,264,000 บาท สำหรับรุ่น 4×2 และราคา 1,399,000 บาท สำหรับรุ่น 4×4 พร้อมตัวเลือกสีรถ ได้แก่ สีขาวอาร์กติก ไวท์, สีเทา เมทิเออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ (สีพิเศษ เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
Nissan Terra Sport
รถยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก และภายในที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น เพิ่มความเข้ม โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งสไตล์สปอร์ตสีดำ สัญลักษณ์ Sport ด้านหลัง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมเบาะที่นั่ง และการตกแต่งภายในโทนสีดำ สะท้อนความ พรีเมียมในแบบคุณ สะดวกสบายสำหรับคนที่รักการเดินทาง และเพิ่มความสุขกับการใช้เวลาทุกนาทีกับครอบครัว เพื่อนฝูง สมาชิกคนสำคัญ รวมถึงสัตว์เลี้ยง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ประหยัดน้ำมัน ทั้งยังสามารถรองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ไปได้ทุกเส้นทาง สามารถเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) เป็นโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อได้ง่ายดาย ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-Link) ที่นุ่มนวล และลดความโคลงของตัวรถขณะเข้าโค้ง
อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันและความสะดวกสบายในคันเดียวที่จบ ครบเกินคุ้ม ระบบความบันเทิงสุดพรีเมียมจาก Bose Premium Audio System ในห้องโดยสารที่เงียบจากกระจก บังลมตอนหน้าและกระจกที่ประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass ระบบเอนเตอร์เทนเม้นต์จากหน้าจอสัมผัส Display Audio ขนาด 9 นิ้ว ในตอนหน้า ด้วยเทคโนโลยี NissanConnect ที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay แบบไร้สาย และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Android Auto ขณะที่ผู้โดยสารในแถวสอง และสาม ยังสามารถรับชมความบันเทิงผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้ว ยังมีช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ และชาร์จไฟแบบ USB (Type A และ Type C) ถึง 5 จุด เพียงพอกับผู้โดยสารทุกคนบนรถที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลายเครื่องในเวลาเดียวกัน และมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) บริเวณคอนโซลหน้า ราคาจำหน่าย 1,555,000 บาท มาพร้อมสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา สเตลท์ เกรย์ สีขาว ไวท์ เพิร์ล และสีดำ แบล็ค สตาร์
ยานยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริดเชื้อเพลิง LPG ต้นแบบ “LPG HEV Taxi Concept”
รถคันนี้นำมาโชว์ ไม่ได้นำมาขาย แต่น่าสนใจมาก เพราะเป็นรถยนต์ที่พัฒนาเพื่อใช้เป็นแท็กซี่โดยเฉพาะ สำหรับรถต้นแบบที่นำมาจัดแสดงได้รับการตกแต่งพิเศษด้วยสีเหลือง-เขียว สร้างความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับประเทศไทย รถรุ่นนี้มาพร้อมหลังคาทรงสูง ติดตั้งประตูสไลด์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบให้มีพื้นห้องโดยสารต่ำ และเรียบเสมอกัน เพื่อรองรับการใช้ทางลาดสำหรับรถเข็นวีลแชร์ ทำให้ผู้โดยสารทุกคนโดยเฉพาะเด็ก และคนชรา สามารถเข้า-ออกห้องโดยสารได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย และลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ อีกทั้งยังชูจุดเด่นด้วยขุมพลังที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริด ที่จับคู่พลังงานไฟฟ้ากับก๊าซ LPG มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อุ่นใจตลอดการเดินทาง
Prodrive P25 Subaru Impreza 22B
Prodrive ถือเป็นไอคอนสำคัญและเป็นการกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ทันสมัยของ Subaru Impreza 22B ซึ่งเป็นรถยนต์ในตำนานของตระกูล Impreza ที่เปิดตัวในปี 1998 เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของ Subaru ใน WRC ด้วยรถแข่งแรลลี่ที่ Prodrive พัฒนาขึ้น
Subaru ได้ผลิต Impreza 22B จำนวน 424 คัน ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีความต้องการอย่างมากในตลาดรถยนต์มือสอง แต่ Prodrive กลับคิดต่างจากนั้นและได้สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพียง 25 คันเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นกำลังถูกส่งมายังประเทศไทย
P25 แต่ละคันจะมีพื้นฐานมาจาก WRX รุ่น 2 ประตูแบบดั้งเดิม (ไม่ใช่ 22B แบบดั้งเดิม) ซึ่งแผงตัวถังทั้งหมดสร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ออกแบบโดย Peter Stevens ผู้รับผิดชอบรูปลักษณ์ของรถแข่งแรลลี่ดั้งเดิมของ 22B และผู้ที่โด่งดังที่สุดจากทีม McLaren F1 ยังมีการใช้วัสดุคอมโพสิตสำหรับฝากระโปรงหน้า หลังคา ซุ้มล้อหน้าและหลัง กระจกมองข้าง สปอยเลอร์หลังและกันชนรอบคัน ซึ่งช่วยตัดน้ำหนักตัวรถให้เหลือเพียง 1,200 กก. เทียบกับ 1,245 กก. จาก 22B ส่วนการลดน้ำหนักอื่นๆ ได่แก่ การติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและเบาะนั่งแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ติดตั้งเฟืองท้ายแบบแอ็คทีฟ ชุดช่วงล่างจาก Bilstein แบบปรับได้และระบบเบรกจาก AP Racing พร้อมจานเบรกด้านหน้าขนาด 380 มม. และคาลิปเปอร์เบรก 6 ลูกสูบ ขณะที่จานเบรกด้านหลังจะมีขนาด 350 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรก 4 ลูกสูบ
เครื่องยนต์และกระปุกเกียร์ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 รุ่นล่าสุดของ Subaru แต่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างครอบคลุม ด้วยลูกสูบ ก้านสูบและชุดวาล์วใหม่ พร้อมหายใจผ่านเทอร์โบชาร์จจาก Garrett อินเตอร์คูลเลอร์ประสิทธิภาพสูงและระบบไอเสียไทเทเนียมจาก Akropovic เพื่อมอบกำลังที่ 400 แรงม้าและแรงบิด 600 นิวตันเมตร ซึ่งทำให้ P25 มีกำลังเพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับ 22B กำลังทั้งหมดถูกส่งไปยังถนนด้วยเกียร์ Sequential 6 จังหวะ ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์ได้ในระดับ 80 มิลลิวินาที มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาน้อยกว่า 3.5 วินาที ซึ่งเร็วกว่า 22B ประมาณ 1 วินาที เป็นรถอัลตร้า แรร์ ไอเท็ม ค่าตัว 55 ล้านบาท ราคาแพงที่สุดในมอเตอร์โชว์ปีนี้
Mazda MX-30 BEV
Mazda MX-30 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแห่งอนาคต Multi-solution Technology พร้อมทัพรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์มาจัดแสดงสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยนตรกรรมหลากหลายทางเลือกตามแนวทาง Multi-solution Technology ที่ตอบสนองความต้องการทุกรูปแบบมาจัดแสดงให้ผู้ที่สนใจได้รับชม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบตามแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในอนาคตของมาสด้า และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ระยะกลาง Sustainable Zoom-Zoom 2030 ที่มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์โลกของเราให้คงความสวยงาม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และสร้างสังคมที่ยั่งยืน เพื่อผู้คนในเจเนอเนชั่นต่อไป
All New GWM TANK 500 Hybrid SUV
รถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม TANK โมดูล่าร์ออฟโรดอัจฉริยะ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับระบบเครื่องยนต์ได้หลายประเภทและหลากหลายขนาด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร ระบบเกียร์ 9HAT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 11 รูปแบบ เตรียมประกาศราคาอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤาภาคมนี้ แต่ทีมงาน AutolikeTV ขอประเมินว่าราคาน่าจะอยู่ที่ 2,490,000 บาท จะถูกต้องหรือจะห่างกันจริงกี่บาท เร็วๆ นี้ได้รู้กัน
Honda CR-V ใหม่
รถพรีเมียมเอสยูวีขนาดใหญ่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งในทุกมิติ ครั้งแรกกับขุมพลังการขับเคลื่อนระบบฟูลไฮบริด e:HEV อันทรงพลังใน ซีอาร์-วี ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร* (รุ่น e:HEV ES)
และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85 มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS) ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์กับเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย กับ 2 ขุมพลังทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เทอร์โบและระบบฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยราคาเริ่มต้น 1,419,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ฟรีประกันภัย 1 ปี รับดอกเบี้ย 2.29%** พร้อมฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นในรุ่น e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง รวมทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) เมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 – 31 พฤษภาคม 2566
NEW MG MAXUS 9
รถลักชัวรี่ MPV ไฟฟ้า100% แบบ 7 ที่นั่ง เป็นพวงมาลัยขวาคันแรกของประเทศไทยและอาเซียน ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ EV สุดหรูหรา เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ล้ำสมัย ผสานลงตัวกับงานดีไซน์รูปโฉมใหม่ โดดเด่นด้วยหลังคา Dual Panoramic Sunroof ยาวถึงด้านหลังทำให้ห้องโดยสารดูโปร่ง โล่ง สัมผัสกับความสะดวกสบายครั้งใหม่ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารปรับอัตโนมัติ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งแถวที่สองแบบ VIP Captain Seat ที่มีระบบบันทึก ระบบนวด และสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ มอบประสบการณ์ MPV ไฟฟ้า 100%
มอเตอร์ให้กำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ความจุขนาด 90 kWh ให้ระยะวิ่งสูงสุดที่ 540 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยรอบคัน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 25 ระบบ พร้อมมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว ทั้ง EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP ซึ่ง NEW MG MAXUS 9 จะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น X – LUXURY และ รุ่น V – SUPER LUXURY ส่วนราคาจำหน่ายจะประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แต่พูดเลยว่า New MG MAXUS 9 คันนี้ มีผู้ชมงานให้ความสนใจเยอะมาก
BYD DOLPHIN EV
น้องใหม่จาก BYD พวงมาลัยขวา รุ่นเล็กกะทัดรัดที่ทุกคนรอคอย มาพร้อมกับการออกแบบที่สะดุดตา ห้องโดยสารกว้างขวาง ภายในออกแบบได้สะดุดตา และมีความแปลกใหม่ ให้อารมณ์และความรู้สึกเหมือนกับอยู่ท่ามกลางบรรยากาศใต้ท้องทะเล มีระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กิโลเมตร แบตเตอรี่เป็นแบบ BYD Blade Battery ความจุแบตเตอรี่ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แรงม้าสูงสุด 94 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ครบถ้วนพร้อมเปิดให้จองรุ่น Standard Range ในราคาคาดการณ์จำหน่าย 799,999 บาท
Hyundai Stargazer
รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก (มินิเอ็มพีวี) ที่นำมาทำตลาดครั้งแรกในประเทศไทย หลังจากนำมาให้ยลโฉมตัวจริงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และสร้างความคึกคักให้ตลาดมินิเอ็มพีวี ด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียวแต่เต็มไปด้วยความสบายในพื้นที่ห้องโดยสาร ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยจำนวนที่นั่ง 7 ที่นั่ง และความพิเศษสุด มาในรุ่น ท็อป เป็นเบาะที่นั่ง 3 แถว 6 ที่ โดยเบาะแถวที่ 2 มาแบบ Captain Seat ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เกียร์ CVT ระบบส่งกำลัง IVT ให้กำลังสูงสุด115 แรงม้า แรงต้านอากาศเพียง 0.32 Cd ประหยัดน้ำมัน ขับขี่สนุกได้ดั่งใจถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Eco, Sport และ Smart มีราคาจำหน่าย 4 รุ่น คือ Trend 769,000 บาท, Style 829,000 บาท, Smart 7 869,000 บาท และ Smart 6 889,000 บาท
SUZUKI SWIFT GL NEXT
รถซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก SUZUKI SWIFT GL ที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จของรุ่นตกแต่งพิเศษหลายเวอร์ชั่น และได้รับความนิยมจนสร้างยอดขายให้ซูซูกิได้เป็นอย่างดี ตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ดีไซน์ใหม่ ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ลายใหม่ GL NEXT Sticker Set ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
ดีไซน์ภายในการตกแต่งใหม่ด้วยลายเคฟลาร์ ตรงบริเวณคอนโซลและแผงประตูด้านข้าง พร้อมปรับใหม่ จอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุที่สามารถรองรับการเล่นไฟล์ MP3, WMA เติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooh และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ทำให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อตลอดการเดินทาง โดยจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท
The New MU-X รุ่นพิเศษ! “PHANTOM COLLECTION”
มาในคอนเซ็ปต์ “สะท้อนอินเนอร์คุณ…กับหมุดหมายที่แตกต่าง” พร้อมสีใหม่เทา Islay Gray Opaque และสีขาวมุก Dolomite White Pearl เสริมความสปอร์ตหรูอย่างลงตัวด้วยภายในโทนสีดำ และภายนอกเร้าใจกับล้ออัลลอย Gloss Black ขนาด 20 นิ้ว พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ไร้
โดยภายในงานนี้นำมาโชว์ครบทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ รวม 4 คัน ราคาเริ่มต้น 1,506,000 – 1,651,000 บาท
สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ จัดขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 เมษายนนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ “ออโต้ไลค์ ทีวี” ได้ทาง ททบ. 5 ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30-23.00 น.
หรือได้ทางออนไลน์ www.autoliketv.com
ทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Autoliketv
และได้ทาง www.youtube.com/AutoLikeTV